คำสั่งเลือกทำแบบทางเดียว
การเลือกทำแบบทางเดียว (if statement)
3.2การเลือกทำแบบทางเดียว (if statement) ในภาษาจาวาจะใช้คำสั่ง if เลือกทำแบบทางเดียวเพื่อจะตรวจสอบว่าชุดคำสั่งที่ตามมาจะทำหรือไม่ ใน การทำงานของคำสั่งคอมพิวเตอร์จะตรวจสอบเงื่อนไขก่อน ถ้าเงื่อนไขเป็นจริงจะทำคำสั่งหรือสเตตเมนต์ ที่ตามหลังหรือเป็นสเตตเมนต์รวมที่อยู่ในเครื่องหมาย { } แต่ถ้าเงื่อนไขเป็นเท็จคอมพิวเตอร์จะกระโดดข้าม คำสั่งหรือสเตตเมนต์ตามมาและไปทำคำสั่งหรือสเตตเมนต์ต่อไป รูปแบบคำสั่งเป็นดังต่อไปนี้ รูปแบบ If(condition) {action statement} โดยการตรวจสอบเงื่อนไขจะเป็นการกระทำแบบบูลีน ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นจริงหรือเท็จเท่านั้นถ้า |
หากมีการใช้ตัวดำเนินการจะใช้ตัวดำเนินการที่ให้ผลลัพธ์เป็นแบบบูลีน
สำหรับการทำงานของคำสั่ง if สารถเขียนเป็นผังงานได้ดังนี้ ในการตรวจสอบเงื่อนไขนั้นตัวแปรที่นำมาเปรียบเทียบจะต้องเป็นข้อมูลประเภทเดียวกัน ตัวอย่าง เช่น ถ้าให้ ch เป็น char ให้ num และ mark เป็น int การตรวจสอบเงื่อนไขอาจเขียนได้ดังนี้ ตัวอักขระสองตัวสามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้เช่นกัน เนื่องจากภาจาวาจะเก็บตัวอักขระ ในรูปของรหัสยูนิโค้ด (Unicode) เมื่อมีการเปรียบเทียบภาษาจาวาจะนำเอารหัสยูนิโค้ด ซึ่งอยู่ในรูป ของเลขจำนวนเต็มมาเปรียบเทียบกัน อย่างเช่น ตัว A จะมาก่อนตัว B เนื่องจากรหัสของตัว A คือ 65 ส่วน รหัสของตัว B คือ 66 ดังนั้น ถ้าหากเขียนนิพจน์เป็น A<B จะได้ค่าเป็นจริงเสมอ และถ้าหาก มีการเขียนสเตตเมนต์ต่อไปนี้ จะทำให้การตรวจสอบเงื่อนไขของ if เป็นจริงเสมอ ในการใช้คำสั่งตรวจสอบเงื่อนไข ควรระวังดังต่อไปนี้ 1.ระวังอย่าใส่เคืร่องหมายเซมิดคลอน ( ; ) หลังการตรวจสอบเงื่อนไขของ if เนื่องจากถ้าคอมไพล์เลอร์ พบเครื่องหมายเซมิโคลอนมันจะมองเป็นสเตตเมนต์ว่าง ( null statement ) คือไม่ทำอะไร 2.ถ้าหากสเตตเมนต์ที่ต้องการให้ทำหลัง if เป็นสเตตเมนต์รวม หรือมีการทำหลายๆ คำสั่ง จะต้องใส่เครื่องหมาย วงเล็บ เพื่อรวมสเตตเมนต์เป็นบล็อก ตัวอย่างเช่น จากส่วนของโปรแกรมทางซ้ายมือ สเตตเมนต์รวมที่อยู่ในเครื่องหมายปีกกาจะทำทั้งหมด ถ้าหากเงื่อนไขของ if เป็นจริง แต่ส่วนของโปรแกรมทางขวามือ ถ้าหากเงื่อนไขของ if เป็นจริง จะทำ bonus = 500.0สเตตเมนต์เดียวกัน |